บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 3
วันพฤหัสบดีที่ 24 มกราคม 2562
เวลา 08:30 - 12:30 น.
ความรู้ที่ได้รับ
ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับศิลปะ 1. ทฤษฎีพัฒนาการ
- พัฒนาการทางศิลปะของ โลเวนเฟลด์ (Lowenfeld
2. ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับความคิดสร้างสรรค์
- ทฤษฎีโครงสร้างทางสติปัญญาของกิลฟอร์ด
(Guilford)
- ทฤษฎีความคิดสร้างสรรค์ของทอร์แรนซ์
(Torrance)
-
ทฤษฎีความรู้สองลักษณะ (สมอง สองซีก)
-
ทฤษฎีพหุปัญญาของการ์ดเนอร์
(Gardner)
-
ทฤษฎีโอตา (Auta)
➤ ทฤษฎีโครงสร้างทางสติปัญญาของกิลฟอร์ด (Guilford)
เป็นทฤษฎีเกี่ยวกับโครงสร้างทางสติปัญญา
ศึกษาเกี่ยวกับการวิเคราะห์
ตัวประกอบของสติปัญญา - เน้นเรื่องความคิดสร้างสรรค์
- ความมีเหตุผล
- การแก้ปัญหา
กิลฟอร์ด อธิบายความสามารถของสมองออกเป็น 3 มิติ
มิติที่
1
เนื้อหา : เกี่ยวกับ
ข้อมูล หรือ สิ่งเร้าที่เป็นสื่อในการคิด สมอง
รับข้อมูลเข้าไปคิด พิจารณา 4 ลักษณะ คือ ภาพ สัญลักษณ์ ภาษา พฤติกรรม
มิติที่ 2 วิธีการคิด : มิติที่แสดงลักษณะการทำงานของสมองใน 5 ลักษณะ
- การรู้จัก การเข้าใจ
- การจำ
- การคิดแบบอเนกนัย (คิดได้หลายรูปแบบ หลากหลาย)
- การคิดแบบเอกนัย (ตัดสินใจเลือกสิ่งที่ดีที่สุด)
- การประเมินค่า
มิติที่ 3 ผลของการคิด : มิติที่แสดงถึงผลที่ได้จากการทำงานของสมอง จากมิติที่ 1
+
มิติที่ 2
มี 6
ลักษณะ หน่วย จำพวก ความสัมพันธ์ ระบบ การแปลงรูป และการประยุกต์
สรุป เป็นทฤษฎีที่รวมความสามารถด้านความคิดสร้างสรรค์ด้วย คือ วิธีการคิดอเนกนัย เป็นการคิดหลายทิศทาง หลายแง่หลายมุม คิดได้กว้างไกล
ซึ่งลักษณะความคิดนี้จะนำไปสู่การประดิษฐ์คิดค้นสิ่งแปลกใหม่
➤ ทฤษฎีความคิดสร้างสรรค์ของทอร์แรนซ์ (Torrance)
แนวคิด - ความคล่องแคล่วในการคิด
- ความยืดหยุ่นในการคิด
- ความริเริ่มในการคิด
แบ่งลำดับการคิดสร้างสรรค์เป็น 5 ขั้น 1.ขั้นการค้นพบความจริง
2.ขั้นการค้นพบปัญหา
3.ขั้นการตั้งสมมติฐาน
4.ขั้นการค้นพบคำตอบ
5.ขั้นยอมรับผลจากการค้นพบ
สรุป ทอร์แรนซ์
กล่าวว่า ความคิดสร้างสรรค์เป็นกระบวนการของความรู้สึกไวต่อปัญหา หรือสิ่งที่ขาดหายไป แล้วเกิดความพยายามในการสร้างแนวคิด ตั้งสมมุติฐาน
ทดสอบสมมุติฐาน
และเผยแพร่ผลที่ได้ให้ผู้อื่นรับรู้และเข้าใจ
ทำให้เกิดแนวทางในในการค้นคว้าสิ่งแปลกๆใหม่ๆต่อไป
⏩ ขั้นความคิดสร้างสรรค์นี้
มีลักษณะคล้ายคลึงกับขั้นการแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ ทอร์แรนซ์จึงเรียกขั้นการคิดสร้างสรรค์นี้ว่า
กระบวนการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ ⏪
➤ ทฤษฎีความรู้สองลักษณะ (สมอง สองซีก)
การทำงานของสมองสองซีก
ทำงานแตกต่างกัน ( คิดด้านบวก กับ คิดด้านลบ )
สมองซีกซ้าย ➟ ทำงานส่วนของการคิดที่เป็นเหตุผล
สมองซีกขวา ➟ ทำงานส่วนจินตนาการ
และความคิดสร้างสรรค์
แพทย์หญิงกมลพรรณ ชีวพันธุศรี
กล่าวว่า คนเรามีสมอง 2 ซีก
• สมองซีกขวา : จินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ สามารถพัฒนาได้มากในช่วงวัย 4-7
ปี
•ส่วนสมองซีกซ้าย : การคิดที่เป็นเหตุผล
จะพัฒนาในช่วง 9-12 ปี และสมองจะเจริญเติบโตเต็มที่เมื่อ เด็กอายุ 11-13
ปี
⇩
แนวคิดการทำงานของสมอง 2 ซีกถูกนำไปพัฒนาการจัดการศึกษาแบบบรูณาการ และ วัฏจักรการเรียนรู้ 4 mat และการทำกิจกรรมที่หลากหลาย
➤ ทฤษฎีพหุปัญญาของการ์ดเนอร์ (Gardner)
• ศึกษาเกี่ยวกับความหลากหลายของสติปัญญา
• ผู้คิดค้นทฤษฎีพหุปัญญา
( ศักยภาพและความสามารถที่หลากหลายของมนุษย์ )
• จำแนกความสามารถหรือสติปัญญาของคนเอาไว้ 9 ด้าน ได้แก่
- ความสามารถด้านภาษา -
ความสามารถด้านตรรกวิทยาแลคณิตศาสตร์
- ความสามารถด้านดนตรี -
ความสามารถด้านมิติสัมพันธ์
-
ความสามารถด้านกีฬาและการควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกาย
- ความสามารถด้านมนุษยสัมพันธ์ -
ความสามารถด้านจิตวิเคราะห์
- ความสามารถด้านธรรมชาติศึกษา
-
ความสามารถในการคิดพลิกแพลงแตกต่างในการแก้ปัญหา
ลักษณะสำคัญของทฤษฎีพหุปัญญา
• ปัญญา
มีลักษณะเฉพาะด้าน
• ทุกคนมีปัญญาแต่ละด้าน
ทั้ง 9 ด้านมากน้อยแตกต่างกัน
• ทุกคนสามารถพัฒนาปัญญาแต่ละด้านให้สูงขึ้นได้
• ปัญญาต่างๆสามารถทำงานร่วมกันได้
• ในปัญญาแต่ละด้าน
ก็มีความสามรถหลายอย่าง
➤ ทฤษฎีโอตา (Auta)
เดวิส และ ซัลลิแวน
แนวคิด ความคิดสร้างสรรค์มนุษย์พัฒนาสูงขึ้นได้ มี 4 ลำดับขั้น
ขั้นตอนที่
1 การตระหนัก ต้องตระหนักถึงความสำคัญของความคิดสร้างสรรค์ที่มีต่อตนเอง
ทั้งในอดีตและปัจจุบัน
ขั้นตอนที่
2 ความเข้าใจ มีความรู้
ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในเรื่องต่างๆ
ขั้นตอนที่
3 เทคนิควิธี การรู้เทคนิควิธีในการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ทั้งที่เป็นเทคนิคส่วนบุคคลและเทคนิคที่เป็นมาตรฐาน
ขั้นตอนที่
4 การตระหนักในความจริงของสิ่งต่างๆ การรู้จักหรือตระหนักในตนเอง
พอใจในตนเองสามารถดึงศักยภาพมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเอง
วงจรของการขีดๆเขียนๆ เคลล็อก
(Kellogg) จำแนกเป็น 4 ขั้นตอน
ขั้นที่ 1
ขั้นขีดเขี่ย
(placement
stage)
เด็กวัย
2 ขวบ ขีดๆเขียนๆตามธรรมชาติ ขีดเขี่ยเป็นเส้นตรงบ้าง
โค้งบ้าง ขีดโดยปราศจากการควบคุม
ขั้นที่ 2 ขั้นเขียนเป็นรูปร่าง
(shape stage)
เด็กวัย 3 ขวบ การขีดๆเขียนๆเริ่มเป็นรูปร่างขึ้น เขียนวงกลมได้ ควบคุมมือกับตาให้สัมพันธ์กันมากขึ้น
ขั้นที่ 3 ขั้นรู้จักออกแบบ
(design stage)
เด็กวัย
4 ขวบ ขีดๆเขียนๆที่เป็นรูปร่างเข้าด้วยกัน วาดโครงสร้างหรือเค้าโครงได้ วาดสี่เหลี่ยมได้
ขั้นที่ 4 ขั้นการวาดแสดงเป็นภาพ
(pictorial stage)
เด็กวัย 5 ขวบขึ้นไป เริ่มแยกแยะวัตถุที่เหมือนกับมาตรฐานของผู้ใหญ่ได้ รับรู้ความเป็นจริง
เขียนภาพแสดงถึงภาพคน/ สัตว์ได้ ควบคุมการขีดเขียนได้ดี วาดสามเหลี่ยมได้
พัฒนาการด้านร่างกาย ( กีเซลล์และคอร์บิน )
สรุปพัฒนาการด้านการเคลื่อนไหวของเด็กปฐมวัย
ตามลักษณะพฤติกรรมทางการใช้กล้ามเนื้อใหญ่และกล้ามเนื้อเล็ก ดังนี้
1.ด้านการตัด - อายุ
3-4 ปี ตัดกระดาษเป็นชิ้นส่วนได้
- อายุ 4-5 ปี ตัดกระดาษเป็นเส้นตรงได้
- อายุ 5-6
ปี
ตัดกระดาษตามเส้นโค้งหรือรูปร่างต่างๆได้
2.การขีดเขียน- อายุ 3-4 ปี เขียนรูปวงกลมตามแบบได้
- อายุ
4-5 ปี
เขียนรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสตามแบบได้
- อายุ
5-6 ปี
เขียนรูปสามเหลี่ยมตามแบบได้
3.การพับ -
อายุ 3-4 ปี พับและรีดสันกระดาษสองทบตามแบบได้
- อายุ
4-5 ปี
พับและรีดสันกระดาษสามทบตามแบบได้
- อายุ
5-6 ปี พับและรีดสันกระดาษได้คล่องแคล่ว หลายแบบ
4.การวาด - อายุ 3-4 ปี
วาดภาพคนมีศีรษะ ตา ขา ปาก
- อายุ 4-5 ปี วาดภาพคนมีศีรษะ ตา ปาก จมูก ปาก ลำตัว เท้า
- อายุ
5-6 ปี
วาดภาพคนมีศีรษะ ตา ปาก ลำตัว เท้า จมูก
แขน มือ คอ ผม
กิจกรรมในห้องเรียน
อาจารย์ให้นักศึกษานำผลงานศิลปะสร้างสรรค์ของตัวเอง 6 แผ่น มาจัดนิทรรศการบนกระดานและบันทึกภาพเป็นผลงาน
ใบกิจกรรมที่ 7 วาดรูปตามจินตนาการ พร้อมออกแบบลวดลาย
รวบรวมผลงานศิลปะสร้างสรรค์
⇩
การประเมิน
ประเมินตนเอง : เข้าเรียนตรงเวลา ตั้งใจเรียน จดบันทึกความรู้ ภมิใจในผลงาน
ประเมินเพื่อน : เพื่อนๆ ต่างก็ทำงานศิลปะออกมาสวยงาม ตั้งใจเรียน
ประเมินอาจารย์ : อาจารย์อธิบายความรู้อย่างเข้าใจ และแสดงตัวอย่าง สร้างความประทับใจในการชื่นชมผลงาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น